วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

การเล่นหุ้นคืออะไร ??





การลงทุนมีหลายแบบครับ เช่น ตราสารทุน ตราสารหนี้ ตราสารอนุพันธ์ บลาๆๆๆ.... เยอะแยะไปหมด


แต่ที่เราจะมาคุยกันก็คือเรื่องของ "ตราสารทุน"




เมื่อบริษัทต้องการ "ระดมทุน" ขึ้นมาจำนวนหนึ่ง ก็มีให้เลือกหลายๆทาง เช่น กู้ธนาคาร ออกตราสารทุน หรืออะไรก็แล้วแต่ .... เมื่อบริษัทเลือกที่จะออกตราสารทุน เอาง่ายๆ เขาก็เอามาขายให้เรา


แล้วทำไมเราต้องซื้อล่ะ??


ตราสารทุนเป็นหนังสือที่บ่งบอกว่าเรามีพันธะผูกพันกันนะ คือเราจะได้เป็นเจ้าของกิจการ


ตราสารทุนมีหลายประเภท เช่น หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ์ วอเร้นท์ เป็นต้น แต่ที่ทุกคนหมายถึงและสนใจกันก็คือ "หุ้นสามัญ" (Common stock).......แนะนำอย่างยิ่งให้ไปศึกษาความแตกต่างของตราสารทุน หรือต่างสารประเภทอื่นๆด้วย ใน www.set.or.th หรือใน www.settrade.com


ถ้ายังนึกภาพไม่ออก ก็ให้ลองนึกย้อนกลับไปสมัยเรียนประถมหรือมัธยม......"สหกรณ์"
ที่ ร.ร. จะมีสหกรณ์ร้านค้าอยู่ เมื่อเขาต้องการระดมทุนอาจจะเพื่อเอาของมาลงมากขึ้นหรือเปิดอีกสาขาหนึ่งในฝั่งตรงข้ามของ ร.ร. หรืออะไรก็แล้วแต่ เขาก็ขายหุ้นให้เราที่เป็นนักเรียน เมื่อเราซื้อหุ้นไปจำนวนเท่าไหร่ก็แล้วแต่ ก็เท่ากับว่า เราได้เป็นเจ้าของสหกรณ์ด้วย และ พอหมดเทอมในแต่ละเทอม ก็จะได้เงินปันผลมาในอัตราส่วนตามจำนวนหุ้นที่เราซื้อ....แหะๆ พอนึกภาพออกไหมครับ??


หุ้นนี้แหละครับ คือ "หุ้นสามัญ"


จะเห็นว่า จุดประสงค์ในการออกหุ้นก็คือ "ระดมทุน"
และ จุดประสงค์ของการซื้อหุ้นก็คือ "ลงทุน" ในกิจการนั้นๆ


เมื่อบริษัทขายหุ้นครั้งแรกจะเรียกว่า IPO (Initial Public Offering) หรือเราจะเรียกกันในหมู่นักลงทุนว่า "It's Probably Over value"  ..... ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะครับ


ก็เมื่อบริษัทเสนอขายหุ้นครั้งแรก เขาก็ต้องปล่อยให้มันมีมูลค่าสูงๆไว้ (เพื่อระดมทุนไงครับ) ... เมื่อหุ้นทั้งหมดถูกซื้อหมด ก็จะเข้าสู่กลไกของตลาดแล้วครับ นั่นคือ supply-demand แล้วครับ "Price Reflex everything" ..... นักลงทุนเขาจะไม่ซื้อหุ้น IPO เท่าไหร่หรอกครับ เพราะมันไม่มีข้อมูลให้ศึกษา


เมื่อมีคนต้องการซื้อ ก็ต้องมีคนต้องการขาย...เมื่อมีคนต้องการขายก็ต้องมีคนต้องการซื้อ ^^"
นี่แหละ ตลาดอารมณ์ของจริง "โลภ" และ "กลัว" ..... (ค่อยมาคุยกันทีหลัง)


คำถามต่อมา.....การเล่นหุ้น คืออะไร?? (จะอธิบายแบบคร่าวๆนะครับ ให้ไปต่อยอดเอาเอง)


เราสามารถเล่นหุ้นได้ 2 แบบ คือ
1. เก็งกำไรระยะสั้นๆ --- แบบนี้ความเสี่ยงจะสูง แต่ผลตอบแทนระยะสั้นสูง ผู้ที่จะเล่นแบบนี้ต้องศึกษากราฟให้ดี และมีวินัยมากๆ ไม่งั้น เจ๊งแน่ๆ....พวกนี้ จะ "ซื้อแพงขายแพงกว่า" โดยเล่นไปตาม trend ... ใครฝืน trend ล่ะ ฮึ่ม...!! .... จะเรียกแบบนี้ว่า "Technical"


2. เป็นการลงทุนระยะยาว --- แบบนี้ความเสี่ยงจะต่ำกว่า เนื่องจากราคาหุ้นจะผันผวนน้อยกว่า ผลตอบแทนระยะยาวก็จะสูงกว่า ผู้ที่เล่นแบบนี้จะต้องศึกษาพื้นฐานของบริษัทที่เราจะเป็น "เจ้าของ" ให้ดี .... พวกนี้จะ "ซื้อถูกขายแพง" จึงต้องมีความ "อึด" มากๆ ต้องรอให้ราคาหุ้นลงมาต่ำๆก่อนถึงจะซื้อ พวกนี้จะขายแทบไม่เป็นเลย .... จะเรียกพวกที่เล่นแบบนี้ว่า "Value investor"


แล้วกำไรล่ะ มาจากไหน?


พวกแรก กำไรก็จะมาจาก ส่วนต่างของราคาหุ้น เช่น ซื้อ 5 บาท ขาย 10 บาท ก็กำไร 5 บาท
พวกหลัง กำไรจะมาจาก เงินปันผล + ส่วนต่างราคา --- (ย้อนกลับไปดูเรื่อง ทำไมต้องออมในหุ้น)








ก็ลองดูว่าตัวเองเป็นแนวไหน....รับความเสี่ยงได้แค่ไหน ก็เลือกแนวนั้น
"ห้าม" เปลี่ยนม้ากลางศึกเด็ดขาด


ค่อยๆศึกษาดู ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น